แชร์

5 ข้อ ทำไม Huawei Pura 80 Series ถึงน่าสนใจ เซ็นเซอร์ กล้อง แบต และอื่นๆ

อัพเดทล่าสุด: 13 มิ.ย. 2025
541 ผู้เข้าชม

Huawei เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีส์ Pura 80 อย่างเป็นทางการในจีน โดยรุ่นใหม่ในปีนี้เน้นยกระดับเทคโนโลยีกล้องและประสบการณ์การใช้งานในภาพรวม ทั้ง 4 รุ่นใหม่ ได้แก่ Pura 80, Pura 80 Pro, Pura 80 Pro+ และ Pura 80 Ultra มาพร้อมฮาร์ดแวร์กล้องขั้นสูงที่สุดของแบรนด์ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใหญ่ขึ้น หน้าจอที่ดีขึ้น และการเชื่อมต่อผ่านดาวเทียมที่หลากหลายกว่าเดิม

นี่ไม่ใช่แค่การอัปเกรดตามรอบปกติ เพราะซีรีส์ Pura 80 เป็นการต่อยอดจากแนวคิด "Imaging-first" ที่เริ่มต้นจากซีรีส์ P และเปลี่ยนชื่อใหม่ภายใต้แบรนด์ Pura โดยแม้ว่า Huawei จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียดชิปประมวลผล แต่ในด้านฮาร์ดแวร์ถือว่าจัดเต็มมาก ๆ ต่อไปนี้คือสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับรุ่นนี้

"สรุปสั้น = กล้องโคตรเทพ คือถ้าไม่โดนแบนเรื่อง Google Service และรองรับ 5G ได้ทัดเทียมกับรุ่นอื่น Huawei ตัวนี้จะเอามาถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอได้เทพมากๆ แน่นอน การแข่งขันรุ่นเรือธงจะสนุกกว่าเดิมอีกมากกกกกกก"

1. ดีไซน์ที่คุ้นตา แต่ดูพรีเมียมขึ้นกว่าเดิม

ทั้ง 4 รุ่นของ Pura 80 ใช้แนวทางการออกแบบที่บางเฉียบเหมือนกัน โดยเฉพาะรุ่น Pro และ Ultra ที่เพิ่มรายละเอียดแบบหรูหรามากขึ้น รุ่นพื้นฐาน Pura 80 ใช้จอ OLED แบบแบนขนาด 6.6 นิ้ว ส่วนรุ่น Pro, Pro+ และ Ultra ใช้จอ OLED แบบโค้งขนาด 6.8 นิ้ว ทั้งหมดรองรับ LTPO รีเฟรชเรต 1-120Hz แบบปรับตามการใช้งาน, แสดงผลสี 10-bit (1.07 พันล้านสี), ผ่านการรับรอง HDR Vivid และมีความสว่างสูงสุดแบบเฉพาะจุดถึง 3000 นิต

ใช้กระจก Kunlun Glass รุ่นที่ 2 ทุกรุ่นเพื่อความทนทาน และทั้งซีรีส์มีมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP68/IP69 ส่วนรุ่น Ultra มีลวดลายด้านหลังแบบ "ลายพระอาทิตย์" พร้อมแถบสีทองเพิ่มความพรีเมียมให้โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม

2. แบตเตอรี่ใหญ่ขึ้น ใช้งานได้นานกว่าเดิม

ในด้านการใช้งานจริง Huawei รับฟังความต้องการของผู้ใช้อย่างชัดเจน โดยให้แบตเตอรี่รุ่นพื้นฐาน Pura 80 ขนาดใหญ่ถึง 5600mAh รองรับชาร์จไวแบบมีสาย 66W และไร้สาย 50W

ส่วนรุ่น Pro, Pro+ และ Ultra อัปเกรดความจุเป็น 5700mAh รองรับชาร์จไว 100W แบบมีสาย และ 80W แบบไร้สาย รวมถึงชาร์จย้อนกลับได้ทั้งแบบมีสายและไร้สาย 18W

ความเร็วในการชาร์จถือว่าติดอันดับสูงสุดในกลุ่มพรีเมียม ซึ่งเหมาะมากสำหรับอุปกรณ์ที่เน้นการถ่ายภาพและใช้ AI หนัก ๆ แบบนี้

3. กล้อง พื้นที่ที่ Huawei ยังไม่ยอมแพ้

แม้รุ่นพื้นฐาน Pura 80 จะมีกล้องที่น่าประทับใจอยู่แล้ว เช่น เซ็นเซอร์หลัก 50MP พร้อมรูรับแสงปรับได้ และกล้อง Periscope เทเล 12MP ซูมแบบออปติคอล 5.5x แต่รุ่น Pro, Pro+ และ Ultra ยิ่งตอกย้ำว่า Huawei ยังตั้งเป้าจะเป็นผู้นำในด้านกล้องสมาร์ตโฟน

รุ่น Pro และ Pro+ ใช้เซ็นเซอร์หลัก 50MP ขนาด 1 นิ้ว พร้อมรูรับแสงปรับได้ f/1.6f/4.0, ระบบกันสั่น OIS และระบบประมวลผลภาพใหม่ล่าสุด เสริมด้วยกล้องเทเล 48MP ซูม 4x ที่ถ่ายภาพมาโครได้, กล้อง Ultra-wide 40MP และเซ็นเซอร์ multispectral 1.5MP สำหรับช่วยในการวัดสีและระยะลึก

รุ่น Ultra ขยับไปอีกขั้น ด้วยระบบกล้อง Periscope แบบเปลี่ยนระยะซูมได้ 2 ช่วงในเลนส์เดียว โดยเลือกได้ระหว่าง 3.7x และ 9.4x ซึ่งทั้งสองช่วงใช้เซ็นเซอร์ขนาด 1/1.28 นิ้ว เพื่อคุณภาพภาพสูงในทุกระดับซูม

Huawei เคลมว่าเซ็นเซอร์หลัก 50MP ของรุ่น Ultra ให้ Dynamic Range สูงถึง 16EV ซึ่งถือว่าสูงสุดในประวัติศาสตร์ของกล้องสมาร์ตโฟน และสูงกว่า Pura 70 Ultra ถึง 15 เท่า

นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟีเจอร์การถ่ายภาพเชิงคอมพิวเทชัน เช่น โหมดใหม่ Nature, Film, Movie และ Cartoon รวมถึง ฟีเจอร์ video fusion แบบเรียลไทม์ ที่ช่วยให้วิดีโอในแสงย้อนหรือแสงยากดูดีขึ้นทั้งในส่วนไฮไลต์และโทน

4. การส่งข้อความผ่านดาวเทียม ฉลาดกว่า เร็วกว่า และส่งได้สองทาง

Huawei เป็นหนึ่งในแบรนด์แรก ๆ ที่ใส่การส่งข้อความผ่านดาวเทียมในสมาร์ตโฟน และในซีรีส์ Pura 80 นี้ก็พัฒนาไปอีกขั้น Pura 80 และ Pura 80 Pro รองรับ Beidou two-way satellite messaging ไม่เพียงส่งข้อความ แต่ยังส่งรูปได้ รุ่น Pro+ รองรับระบบดาวเทียมคู่ (Beidou + Tiantong) เพื่อความแม่นยำและเสถียรมากขึ้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน และไม่ต้องหมุนเครื่องหาทิศเองอีกต่อไป เพราะระบบจะเลือกดาวเทียมและปรับสัญญาณให้อัตโนมัติ

5. ซอฟต์แวร์อัจฉริยะและการรวม AI

ทุกรุ่นในซีรีส์นี้ใช้ระบบปฏิบัติการ HarmonyOS 5.1 พร้อมผู้ช่วยอัจฉริยะ Xiaoyi ซึ่งปีนี้ Huawei ผลักดันฟีเจอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI มากขึ้น เช่น

  • การเตือนเมื่อมีคนแอบดูหน้าจอ (AI anti-peeping)
  • การส่งไฟล์ข้ามอุปกรณ์ด้วย AI (AI Teleportation)
  • การลดเสียงรบกวนในการโทรด้วย AI

Ark Engine ซึ่งเป็นกรอบการทำงานใหม่ในรุ่น Pro และ Ultra อ้างว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้มากถึง 36% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อชิปประมวลผล แต่น่าจะเป็น Kirin รุ่นใหม่ที่ผลิตโดย SMIC บนสถาปัตยกรรม 7nm หรือ 5nm

ราคา Huawei Pura 80 Series (โดยประมาณเป็นเงินไทย) *ยังไม่มีวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในไทย 

Pura 80 Pro

  • 12GB + 256GB: 6,499 หยวน (~32,900 บาท)
  • 12GB + 512GB: 6,999 หยวน (~35,400 บาท)
  • 12GB + 1TB: 7,999 หยวน (~40,500 บาท)

Pura 80 Pro+:

  • 16GB + 512GB: 7,999 หยวน (~40,500 บาท)
  • 16GB + 1TB: 8,999 หยวน (~45,600 บาท)

Pura 80 Ultra:

  • 16GB + 512GB: 9,999 หยวน (~50,700 บาท)
  • 16GB + 1TB: 10,999 หยวน (~55,700 บาท)

สรุป

Huawei ยังคงยึดมั่นในกลยุทธ์ด้าน นวัตกรรมการถ่ายภาพ ซึ่งเป็นจุดเด่นที่แบรนด์ให้ความสำคัญมาโดยตลอด และซีรีส์ Pura 80 ก็คือบทพิสูจน์ล่าสุดของแนวทางนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรุ่น Pura 80 Ultra ที่มาพร้อมระบบเลนส์เทเลโฟโต้แบบสองระยะซูมในตัว ช่วยให้สามารถเลือกใช้การซูมแบบออปติคอล 3.7x หรือ 9.4x ได้อย่างยืดหยุ่น ขณะที่เซ็นเซอร์กล้องหลักขนาด 1 นิ้วยังคงถูกใช้อย่างต่อเนื่อง และเมื่อรวมกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่ให้การใช้งานได้ยาวนาน ยิ่งทำให้ซีรีส์นี้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทั้งสำหรับผู้ใช้งานสายถ่ายภาพด้วยมือถือ และคนรักเทคโนโลยีที่มองหานวัตกรรมใหม่ๆ

อย่างไรก็ตาม Pura 80 Series ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญอยู่ นั่นคือ ไม่มีการกล่าวถึงการรองรับ 5G และยังไม่มีกำหนดการวางจำหน่ายในตลาดโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า Huawei ยังคงมุ่งเน้นตลาดจีนเป็นหลักในระยะสั้น จนกว่าจะสามารถก้าวข้ามข้อจำกัดด้านการค้าระหว่างประเทศได้ 

ที่มา - gizmochina


บทความที่เกี่ยวข้อง
เคส MagSafe รุ่นใหม่ที่ออกแบบมาสำหรับ iPhone 17 Pro
การขยับตำแหน่งโลโก้ Apple บน iPhone 17 Pro เนื่องจากโมดูลกล้องที่ออกแบบใหม่ และวันนี้เรามีแนวทางแก้ปัญหาที่ลงตัว นั่นคือเคส MagSafe รุ่นใหม่
14 ก.ค. 2025
ข่าวลือใหม่ Samsung Galaxy S26 Ultra จะได้อัปเกรดกล้องครั้งใหญ่
Samsung Galaxy S26 Ultra คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนมกราคม 2026 จะใช้เซ็นเซอร์หลักของรุ่นนี้คาดว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ตัวใหม่จาก Sony ขนาด 1/1.1 นิ้ว ความละเอียด 200 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ตัวแรกของบริษัทญี่ปุ่นที่มีจำนวนพิกเซลมากขนาดนี้
13 ก.ค. 2025
HONOR Magic V5 มาพร้อมจอ OLED พับได้ 7.95″ 120Hz, Snapdragon 8 Elite, มาตรฐาน IP58/59, แบต 6100mAh
HONOR เปิดตัว Magic V5 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสมาร์ตโฟนพับได้ระดับเรือธงรุ่นล่าสุดในประเทศจีนตามที่สัญญาไว้ โดยถูกโปรโมตว่าเป็นสมาร์ตโฟนพับได้ที่บางที่สุดในโลก โดยต่อยอดมาจาก Honor Magic V3
3 ก.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy