เทคโนโลยีชาร์จแบตมือถือ PD vs QC แตกต่างกันยังไงบ้าง ?
ในยุคที่มือถือสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว (Fast Charging) จึงมีบทบาทสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะสองมาตรฐานหลักที่ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน คือ Power Delivery (PD) และ Quick Charge (QC) หลายคนอาจสงสัยว่า PD กับ QC ต่างกันอย่างไร? อันไหนดีกว่ากัน? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักทั้งสองเทคโนโลยี
ประวัติและการพัฒนา
Quick Charge (QC)
เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Qualcomm บริษัทผู้ผลิตชิปเซ็ตชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา จุดเด่นคือการเพิ่มแรงดันไฟฟ้าเพื่อเร่งความเร็วในการชาร์จ เหมาะกับสมาร์ทโฟน Android ที่ใช้ชิป Snapdragon QC เปิดตัวครั้งแรกในปี 2013 และพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนถึง QC 4+ ซึ่งสามารถชาร์จมือถือได้ถึง 80% ภายใน 35 นาที
Power Delivery (PD)
PD หรือ USB Power Delivery เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วแบบเปิดที่พัฒนาโดย USB Implementers Forum (USB-IF) เปิดตัวครั้งแรกในปี 2012 จุดเด่นคือรองรับการจ่ายไฟผ่านพอร์ต USB-C ได้สูงสุดถึง 240W (ในเวอร์ชันล่าสุด) และสามารถใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่กล้องดิจิทัล
หลักการทำงานของ Quick Charge vs Power Delivery (PD)
Quick Charge (QC)
- อาศัยการเพิ่มแรงดันไฟฟ้า (Voltage) เพื่อเพิ่มกำลังไฟ (Watt) ในการชาร์จ
- QC 2.0 รองรับแรงดัน 5V/9V/12V สูงสุด 24W
- QC 3.0 ปรับแรงดันไฟฟ้าได้ละเอียดขึ้น (3.6V ถึง 20V) ด้วยเทคโนโลยี INOV ช่วยลดความร้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการชาร์จ
- QC 4/4+ รองรับการชาร์จที่รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงรองรับมาตรฐาน USB-PD ด้วย
Power Delivery (PD)
- ใช้ระบบการสื่อสารระหว่างอุปกรณ์และอะแดปเตอร์ เพื่อปรับแรงดันและกระแสไฟฟ้าให้เหมาะสมกับแต่ละอุปกรณ์โดยอัตโนมัติ
- รองรับการจ่ายไฟได้หลากหลาย ตั้งแต่ 5V/3A (15W) จนถึง 48V/5A (240W) ในเวอร์ชันล่าสุด
- ใช้งานผ่านพอร์ต USB-C เป็นหลัก ช่วยให้รองรับอุปกรณ์ได้หลากหลายประเภทและประหยัดพลังงานมากขึ้น
ข้อดีและข้อเสียของแต่ละเทคโนโลยีแตกต่างกันยังไงบ้าง ?
ข้อดีของ QC
- ชาร์จเร็วมากในสมาร์ทโฟน Android ที่รองรับ
- มีหลายเวอร์ชันให้เลือกตามความต้องการ
- หัวชาร์จและสายหาซื้อง่าย ราคาย่อมเยา
ข้อเสียของ QC
- ส่วนใหญ่รองรับเฉพาะสมาร์ทโฟน Android ที่ใช้ชิป Snapdragon
- ไม่ใช่มาตรฐานเปิด การใช้งานข้ามอุปกรณ์มีข้อจำกัด
ข้อดีของ PD
- รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะสมาร์ทโฟน
- จ่ายไฟได้สูงถึง 240W เหมาะกับโน้ตบุ๊กและอุปกรณ์ขนาดใหญ่
- เป็นมาตรฐานเปิด ใช้งานข้ามยี่ห้อได้ง่าย
ข้อเสียของ PD
- ต้องใช้อุปกรณ์ที่รองรับ PD และสาย USB-C ที่มีคุณภาพ
- อุปกรณ์บางรุ่นอาจยังไม่รองรับ PD เต็มรูปแบบ
สรุป เลือกแบบไหนดีกว่ากัน?
- หากคุณใช้สมาร์ทโฟน Android ที่ใช้ชิป Snapdragon และต้องการชาร์จเร็วสุด QC อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
- แต่ถ้าคุณต้องการความยืดหยุ่น ใช้หลายอุปกรณ์ หรือมีทั้งมือถือ แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก PD คือคำตอบที่ครอบคลุมกว่า เพราะเป็นมาตรฐานเปิด รองรับอุปกรณ์หลากหลาย และจ่ายไฟได้สูงกว่า
- ที่สำคัญที่สุด ควรตรวจสอบว่าอุปกรณ์ของคุณรองรับเทคโนโลยีใด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดในการชาร์จ
เคล็ดลับเพิ่มเติม
อย่าลืมเลือกสายและหัวชาร์จที่รองรับมาตรฐานเดียวกับอุปกรณ์ของคุณ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุดในการชาร์จ การเลือกเทคโนโลยีชาร์จที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบตเตอรี่เต็มเร็วขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และแบตเตอรี่อีกด้วย