แชร์

รู้หรือไม่ มือถือใช้สัญญาณ 5G ร้อนกว่า แบตหมดไวกว่าใช้ WiFi

อัพเดทล่าสุด: 17 เม.ย. 2025
120 ผู้เข้าชม

มือถือที่ใช้สัญญาณ 5G มักทำให้แบตเตอรี่หมดไวและเครื่องร้อนกว่าการใช้งาน WiFi เนื่องจากหลายปัจจัยหลัก

เหตุผลที่มือถือใช้ 5G ทำให้แบตหมดไวและเครื่องร้อน

1. การเชื่อมต่อหลายเครือข่ายพร้อมกัน

ปัจจุบัน 5G ส่วนใหญ่ยังใช้แบบ Non-Standalone (NSA) ซึ่งหมายความว่าโทรศัพท์จะเชื่อมต่อทั้งเครือข่าย 5G และ 4G LTE พร้อมกัน ทำให้วงจรทั้งสองทำงานพร้อมกัน ส่งผลให้ใช้พลังงานแบตเตอรี่มากกว่าการเชื่อมต่อแค่ 4G หรือ WiFi เพียงอย่างเดียว และทำให้เครื่องร้อนขึ้นเล็กน้อย

2. สัญญาณ 5G ยังไม่ครอบคลุมเต็มที่

เมื่อสัญญาณ 5G อ่อนหรือไม่เสถียร โทรศัพท์จะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นในการค้นหาและรักษาการเชื่อมต่อสัญญาณ ซึ่งทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วและเกิดความร้อนสูงขึ้นกว่าปกติ

3. การใช้ข้อมูลที่มากขึ้นและความเร็วสูง

5G มีความเร็วสูงกว่าทำให้การใช้งานเช่น สตรีมวิดีโอความละเอียดสูง, เล่นเกมออนไลน์ หรือดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ใช้พลังงานมากขึ้น เพราะชิปประมวลผลและโมดูลสื่อสารต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้แบตเตอรี่ลดลงเร็วและเครื่องร้อนขึ้น

4. การทำงานของ CPU และ GPU ที่เพิ่มขึ้น

การใช้งาน 5G ร่วมกับแอปที่ต้องประมวลผลหนัก เช่น เกมหรือวิดีโอ ทำให้ชิปประมวลผลหลักและกราฟิกทำงานเต็มที่ ส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมในเครื่อง

5. การสลับเครือข่ายบ่อยครั้ง

เนื่องจาก 5G ยังไม่ครอบคลุมทั่วถึง โทรศัพท์จึงต้องสลับระหว่าง 4G กับ 5G บ่อยครั้ง ซึ่งใช้พลังงานเพิ่มขึ้นและทำให้แบตหมดเร็วกว่าใช้งาน WiFi ที่มีสัญญาณเสถียรกว่า

ทำไม WiFi ใช้แบตน้อยกว่า 5G

  • WiFi มักมีสัญญาณที่เสถียรกว่าในพื้นที่ใช้งาน เช่น บ้านหรือสำนักงาน ทำให้โทรศัพท์ไม่ต้องใช้พลังงานมากในการค้นหาหรือรักษาสัญญาณ
  • การเชื่อมต่อ WiFi เป็นการเชื่อมต่อเดียว ไม่ต้องสลับเครือข่ายหลายระบบเหมือน 5G NSA
  • ความเร็วและการส่งข้อมูลผ่าน WiFi มีประสิทธิภาพสูงในพื้นที่ที่สัญญาณดี ทำให้ใช้พลังงานน้อยกว่าเมื่อเทียบกับ 5G ที่ต้องประมวลผลข้อมูลและสื่อสารกับสถานีฐานหลายระบบพร้อมกัน

วิธีลดปัญหาแบตหมดไวและเครื่องร้อนจาก 5G

  • เปิดใช้โหมดประหยัดพลังงาน 5G เพื่อสลับการใช้งานระหว่าง 4G และ 5G อัตโนมัติเมื่อจำเป็น
  • ลดอัตราการรีเฟรชหน้าจอ เช่น จาก 120Hz เป็น 60Hz เพื่อลดการใช้พลังงาน
  • ปิดฟีเจอร์ที่ไม่จำเป็น เช่น GPS, Bluetooth, WiFi เมื่อไม่ได้ใช้งาน
  • ใช้โหมดมืด (Dark Mode) เพื่อลดการใช้พลังงานหน้าจอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้งานในพื้นที่ที่สัญญาณ 5G อ่อนหรือไม่เสถียร
  • ให้โทรศัพท์พักเครื่องเมื่อรู้สึกว่าเครื่องร้อนเกินไป
  • หากชาร์จไป ใช้งานไป เครื่องร้อนจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมไวมากยิ่งขึ้น 

สรุปคือการใช้ 5G ทำให้มือถือใช้พลังงานมากขึ้นและเกิดความร้อนมากกว่า WiFi เพราะต้องเชื่อมต่อหลายเครือข่ายพร้อมกัน ใช้ชิปประมวลผลหนักขึ้น และสัญญาณ 5G ยังไม่ครอบคลุมเต็มที่ ส่งผลให้แบตเตอรี่หมดไวและเครื่องร้อนกว่า WiFi อย่างชัดเจน


บทความที่เกี่ยวข้อง
Bluetooth คืออะไร? รู้จักเทคโนโลยีเชื่อมต่อไร้สายยอดนิยม
Bluetooth คือเทคโนโลยีการเชื่อมต่อไร้สายระยะสั้นที่ใช้คลื่นความถี่ 2.4 GHz เพื่อส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้แก่ มือถือสมาร์ทโฟน หูฟัง ลำโพง และอุปกรณ์ IoT โดยไม่ต้องใช้สาย Cable ในการเชื่อมต่อใดๆ ช่วยให้การเชื่อมต่อรวดเร็วและสะดวกสบายมากขึ้น เช่น การเชื่อมต่อไร้สายระหว่างหูฟังและมือถือ เพื่อส่งข้อมูลเสียงต่างๆ
23 เม.ย. 2025
มือถือที่ใช้งาน eSIM การรับสัญญาณ 5G แย่กว่าซิมปกติ จริงไหม?
ในยุคที่เทคโนโลยีมือถือพัฒนาอย่างรวดเร็ว eSIM หรือ embedded SIM กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่สะดวกสบายมากขึ้นสำหรับผู้ใช้สมาร์ทโฟนหลายคน โดยเฉพาะกับการรองรับเครือข่าย 5G ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในประเทศไทยและทั่วโลก
23 เม.ย. 2025
vivo X200 Ultra มือถือที่ใกล้เคียง 'กล้อง' มากขึ้นกว่าเดิม
ในยุคที่กล้องบนสมาร์ทโฟนพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป Vivo ได้ตัดสินใจเดินเกมใหญ่ ด้วยการเปิดตัว Vivo X200 Ultra มือถือสมาร์ทโฟนเรือธงที่บริษัทนิยามว่าเป็น กล้อง Mirrorless ที่โทรออกได้
22 เม.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy